วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

ขนมไทยหายาก(ต่อ)

{{{(>_<)}}}  ขนมไทยหายาก !!
หันตรา
               หันตรา หรือขนมฝอย เป็นขนมโบราณ ที่ใช้ในงานหมั้น ซึ่งแสดงถึงการตีตราจองว่าหญิงนั้นมีคู่หมั้นแล้ว 
               ทำจากถั่วเขียวเลาะเปลือก ที่นำมากวนกับน้ำตาลทราย แล้ว ปั้นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ กดตรงกลางให้บุ๋มแล้วมาห่อด้วยไข่ที่ทำเป็นตาราง 
               ขนมชนิดนี้เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาน่ารับประทาน เนื่องด้วยตัวของไส้ขนมและตัวไข่ที่นำมาหุ้มมีสีเหลืองทองที่เข้ากันอย่างเหมาะเจาะ แลดูคล้ายขนมตระกูลทอง 
เกสรชมพู่
               เกสรชมพู่  ขนมไทยโบราณ เมื่อได้มองครั้งแรกอาจจะคิดว่าขนมชนิดนี้คือ "ข้าวเหนียวแก้ว" แต่ถ้าพิศมองให้ดีจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะมีลักษณะแข็งกระด้างของข้าวเหนียว ส่วนเกสรชมพู่จะดูนุ่มนวล อ่อนโยน ที่ทำจากมะพร้าวขูดขาว ผัดกับน้ำและน้ำตาลทราย ใส่วุ้นกวนให้เข้ากันใส่สีชมพูแก่ แล้วตักใส่ถ้วย เรื่องรสชาติเกสรชมพู่จะมีความมัน ความหอมของมะพร้าว และมีความหวานเป็นเอกลักษณ์
เห็ดโคน
                สำหรับคนชอบกินเห็ดอาจจะเข้าใจผิดก็ได้เมื่อได้เห็นขนมชนิดนี้ เพราะคุณจะแยกไม่ออกว่าอันไหนเห็ดจริงอันไหนคือขนมเห็ด ส่วนเรื่องรสชาติจะออกหวานๆ เมื่อนำเข้าไปสัมผัสกับลิ้นแล้ว แทบจะละลายไปทันที

                เห็ดโคน  ทำจากไข่ขาวตีกับน้ำตาลทรายป่นจนตั้งยอด ใส่น้ำมะนาวเพื่อให้ไข่ไม่เหลว นำกระดาษขาวหนา ๆ มาม้วนเป็นกรวย ใส่น้ำตาลที่ตีแล้ว บีบกลม ๆ เป็นหัวเห็ด แล้วบีบยาว ๆ เป็นก้านเห็ด นำไปอบ พอสุกแล้วนำส่วนหัวมาเจาะตรงกลาง เพื่อติดกับตัวก้านเห็ดโดยใช้น้ำเชื่อม นำผงโกโก้ มาร่อนตระแกรงละเลงโรยบนหัวเห็ด
บุหลันดั้นเมฆ
                บุหลันดั้นเมฆ ลักษณะของขนมจะคล้ายขนมน้ำดอกไม้ เป็นขนมชาววังคิดประดิษฐ์ขึ้น ให้มีสีสันอุปมาอุปไมยเลียนแบบเพลงไทย 'บุหลันลอยเลื่อน' ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2
               มี 2 ส่วน คือ ส่วนตัวขนม ทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำดอกอัญชัน น้ำตาลทราย หยอดลงบนถ้วยตะไล เมื่อนำไปนึ่งตรงกลางจะบุ๋มลงไป ส่วนตัวหน้าขนม ประกอบด้วย ไข่ กะทิ น้ำตาลมะพร้าว และนำไปนึ่งต่อจนสุก
               เมื่อรับประทานจะให้ความรู้สึกถึงความหอมหวานของน้ำดอกอัญชันกับกลิ่นน้ำตาลมะพร้าว
ขนมตะลุ่ม
                  ขนมตะลุ่ม  มีสองส่วน คือส่วนตัวขนม ทำแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใส และหางกะทิ นำไปนึ่งจนสุก ส่วนของตัวหน้า ได้แก่ หัวกะทิ ไข่ และน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทลงบนตัวที่สุกแล้ว นำไปนึ่ง เวลาเสิร์ฟตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำหรือลักษณะตามชอบ เวลาจะรับประทานควรรับประทานพร้อมกันเพราะให้รสชาติที่หวาน มัน และมีกลิ่นหอมของกะทิยามรับประทานในคำเดียวกัน

ที่มา http://www.horapa.com/content.php?Category=Dessert&No=909

1 ความคิดเห็น: